นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
แม้ว่า สิงห์ เอสเตท ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของระบบเศรษฐกิจมายาวนานกว่า 2 ปี แต่ท่ามกลาง วิกฤตการณ์นี้ บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่จากแนวโน้มการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในแง่มุมของความต้องการในที่อยู่อาศัย ค่านิยมการท่องเที่ยววิถีใหม่ ตลอดจนวิถีการทำงานและการใช้พื้นที่ในการทำงานรูปแบบใหม่ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นำมาซึ่งการปรับแผนกลยุทธ์และสร้างโอกาสในธุรกิจหลักของบริษัท อันได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ธุรกิจโรงแรม รวมถึงธุรกิจใหม่ได้แก่ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจที่ยั่งยืน โดยมี 2 กุญแจสำคัญคือ การเพิ่มการกระจายตัวทางธุรกิจ และการให้น้ำหนักในการขยายการลงทุนในธุรกิจที่ฟื้นตัวเร็วกว่า
เพื่อเตรียมความพร้อมให้บริษัทฯ สามารถรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างเต็มศักยภาพ ในปีที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท จึงมีการดำเนินกลยุทธ์ผ่าน 3 Game Changing Deals:
สิงห์ เอสเตท ดำเนินกลยุทธ์ผ่าน 3 Game ที่สำคัญ อันประกอบด้วย
01

การจำหน่ายหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 52 ในบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) ออกไปในเดือนมกราคมปี 2564 เพื่อปลดล็อคให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาโครงการแนวราบด้วยตนเองโดยไม่มีข้อจำกัด และสร้างความสำเร็จภายใต้แบรนด์ของ สิงห์ เอสเตท ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยในแนวราบของบริษัทฯ และเป็นการต่อยอดความสำเร็จหลังจากการปิดการขายโครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Ultra-Luxury ที่มีมูลค่าต่อยูนิตสูงถึงระดับ 250 ล้านบาทได้ในปี 2564 บริษัทฯ เชื่อว่าจากการตอบรับอย่างดีของโครงการนี้ จะช่วยปูทางไปสู่การขยายศักยภาพของแบรนด์ (Leverage Brand Equity) ในการถ่ายทอดดีเอ็นเอของการสร้างบ้านด้วยคุณค่าและความใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยแนวราบต่อไปซึ่งจะครอบคลุมระดับราคาที่กว้างขึ้น ในทำเลที่กระจายตัวมากขึ้น และแบรนด์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้างขึ้น ซึ่งคิดเป็นโอกาสในเชิงการตลาดที่มี Market Share รวมเกือบครึ่งของตลาดที่พักอาศัยทั้งหมด

02

การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นร้อยละ 100 ในโรงแรม 26 แห่ง ในสหราชอาณาจักร ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เนื่องจากบริษัทฯ คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร จะโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่น ผนวกกับจุดแข็งของ Portfolio ที่สอดคล้องกับลักษณะโรงแรมที่บริษัทฯ ต้องการ ทั้งในมิติภูมิศาสตร์ที่ตั้งที่ส่งเสริมการกระจายตัวและสร้างสมดุลของรายได้ในช่วงฤดูท่องเที่ยวให้โรงแรมของกลุ่มบริษัท และตำแหน่งทางการตลาดที่เป็นกลุ่มโรงแรมระดับ Upper Midscale ที่มีโอกาสในการฟื้นตัวทางธุรกิจได้ดีกว่ากลุ่มระดับราคาอื่น นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนของ Portfolio ภายใต้แนวคิด “Asset Rotation” ผ่านการปรับปรุงโรงแรมที่มีศักยภาพในการเติบโตและปรับเพิ่มอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยให้สูงขึ้น โดยการขายโรงแรมบางส่วนเพื่อจำกัดการลงทุนด้วยเงินสด ซึ่งส่งผลให้ Portfolio ในภาพรวมสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้น

03

การเข้าลงทุนในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในธุรกิจที่มีแหล่งที่มาของรายได้จากภาคผลิต เพิ่มความสมดุลระหว่างกลุ่มลูกค้าที่เป็น Consumer Base และ Industrial Base ให้มากขึ้น ทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีความมั่นคงต่อภาวการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ขนาด 1,790 ไร่ บนทำเลที่มีศักยภาพในจังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางแหล่งวัตถุดิบธุรกิจอาหารและเป็นเส้นทางหลักของการขนส่งสินค้าเกษตรของภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเข้าถือหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 30 ใน โรงไฟฟ้าประเภท Co-generation จำนวน 3 แห่งที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน ด้วยกำ ลังการผลิตรวม 400 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าประเภทกำ หนดปริมาณซื้อขายไฟฟ้า (Firm) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวม 270 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำ คัญที่สร้างรายได้ประจำ ให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว

นอกเหนือจากการปรับปรุงประสิทธิภาพของ Portfolio อย่างเข้มข้นในปีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่บริษัทฯ ยังคงดำรงไว้ คือการสรรสร้างความแตกต่างที่ดีที่สุดหรือ “Unique Selling Points” ในทุกผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งมอบคุณภาพในระดับBest in Class ให้กับลูกค้าของสิงห์ เอสเตท ในปี 2564 เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จและได้รับรางวัลในระดับสากลมากมายจากความพยายามของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยมีรายชื่อรางวัลดังต่อไปนี้
บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีรายชื่ออยู่ในกลุ่มหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2564 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยหลักปรัชญาการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ
โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส (Santiburi The Residences) ซึ่งเป็นโครงการเรือธงแนวราบของ สิงห์ เอสเตท ได้รับ รางวัลด้านการออกแบบ International Architecture Awards 2021 ที่จัดขึ้นโดย The Chicago Athenaeum
Museum of Architecture and Design และ The European Center for Architecture Art Design and Urban Studies and Metropolitan Arts Press ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอกย้ำศักยภาพ ในการพัฒนาโครงการครบทุกมิติ ทั้งด้าน Smart, Healthy และ Sustainable Living ที่ใส่ใจในการเลือกสรรสิ่งที่ดีมีคุณภาพและคำ นึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนโดยรอบ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และยั่งยืนให้กับลูกบ้าน
โรงแรมในเครือของบริษัทฯ ภายใต้การดำเนินงานของ SHR ประกอบด้วย โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย ประเทศไทย ได้รับรางวัล Tripadvisor’s Travelers’ Choice Award 2021
และโรงแรมอีก 2 แห่งในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ได้แก่ SAii Lagoon Maldives และ Hard Rock Hotel Maldives ได้รับการขนานนามว่าเป็นรีสอร์ตที่ดีที่สุดในมัลดีฟส์ - The Best Luxury Beach Resort in Maldives จากเวทีระดับสากล Luxury Lifestyle Awards 2021 รางวัลแห่งความสำเร็จนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จด้านกลยุทธ์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ทำให้รีสอร์ตในโครงการสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย ซึ่งช่วยหนุนให้โครงการ CROSSROADS มีผลประกอบการที่ดีตลอดช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าเมื่อตลาดท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาเต็มที่ โครงการ CROSSROADS จะมีศักยภาพในการเติบโตได้ดีกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และกลายเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางทั่วโลก
อาคารสำนักงานสิงห์ คอมเพล็กซ์ อาคารสำนักงานซันทาวเวอร์สและอาคารสำนักงานเมโทรโพลิศ ได้รับรางวัลอาคารประหยัดพลังงานดีเด่น ประเภทอาคารสำนักงาน ประจำปี 2564 จาก MEA Energy Awards
รางวัลนี้เป็นผลมาจากการที่สิงห์ เอสเตท ได้นำโมเดล Green Value Chain มาใช้ในทุกโครงการของบริษัทฯ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
บริษัท แม็กซ์ ฟิวเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่บริหารจัดการอาคารอันดับต้นในประเทศไทย ภายใต้เครือของสิงห์ เอสเตทได้รับ การรับรองมาตรฐาน ISO พร้อมกันถึง 3 ด้าน คือ ISO 9001:2015 ด้านการบริหารงานคุณภาพ, ISO 14001:2015 ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และ ISO 45001:2018 ด้านการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
ความสำเร็จครั้งนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำและความทุ่มเทในการยกระดับคุณภาพอย่างรอบด้าน ภายใต้วิสัยทัศน์ Enriching Life ของบริษัทฯ โดยมาตรฐาน ISO ทั้ง 3 ด้านนี้จะช่วยพัฒนาการทำงาน ของแม็กซ์ ฟิวเจอร์ให้มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานอย่างครบวงจร โดยคุณภาพทั้งหมดจะถูกส่งต่อไปยังโครงการเอส โอเอซิส (S OASIS) โครงการมิกซ์ยูสระดับ Luxury แห่งใหม่บนถนนวิภาวดีรังสิต ที่พร้อมนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้เช่าและผู้ที่เข้ามาใช้บริการภายในกลางปี 2565 work.

โดยสิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการเอส โอเอซิส ให้เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ ที่รองรับ Hybrid Work Model สามารถสร้างความยืดหยุ่นในการทำงานเพื่อตอบโจทย์วัฒนธรรมการทำงานยุคใหม่ กล่าวคือการปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานได้ตรงกับความต้องการ เสริมด้วยระบบบริหารจัดการพื้นที่เพื่อทำ งานแบบออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดรองรับด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยี Internet of Things เพื่อเชื่อมต่อโลกการทำงานเข้ากับชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

บทพิสูจน์ความสำเร็จทั้งหมดของเราในปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าบริษัทฯ ได้ทุ่มเทพละกำลังและทรัพยากรทั้งหมดในการสร้างรากฐานทางธุรกิจให้มีความพร้อมในการรองรับพฤติกรรมการบริโภคยุคใหม่ และการดึงศักยภาพของแต่ละหน่วยธุรกิจให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี และเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2565 บริษัทฯ ได้กำหนดทิศทางเพื่อต่อยอดการเติบโตผ่านการสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ การลงทุน การหาพันธมิตรทางธุรกิจ และการหาแหล่งเงินทุนของบริษัทฯ เช่น การรุกตลาดที่อย่อูาศัยแนวราบโดยมุ่งเน้นการขยายตำแหน่งทางการตลาดที่กว้างขึ้น ทั้งในแง่ระดับราคา และกลุ่มลูกค้า การพัฒนา Co-working Space ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Time Sharing” เพื่อรองรับรูปแบบการใช้อาคารสำนักงานในอนาคต ตลอดจนการบูรณาการธุรกิจและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ

ผมมีความเชื่อมั่นว่าด้วยกลยุทธ์หลักที่บริษัทฯ ได้วางรากฐานไว้การปรับตัวเชิงรุก ความร่วมมือร่วมใจของคณะกรรมการบริษัท คณะผู้บริหาร และพนักงานทุกท่าน รวมไปถึงการได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากผู้มีส่วนได้เสีย สิงห์ เอสเตท จะสามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง สุดท้ายนี้ ผมและคุณฐิติมาขอขอบพระคุณท่านผู้ถือหุ้น ผู้ร่วมทุน คู่ค้า ลูกค้า สถาบันการเงินและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝา่ย ที่มอบความไว้วางใจและให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมาขอให้ท่านมั่นใจว่าบริษัทฯ ใส่ใจในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าและขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ