A:
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มุ่งมั่นสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน (Entrusted and Value Enricher) โดยเน้นการขยายธุรกิจและการลงทุนผ่านการซื้อที่ดินในทำเลศักยภาพและการพัฒนาโครงการคุณภาพภายใต้แนวคิด “Best in Class” ควบคู่ไปกับการลงทุนหรือการร่วมลงทุนในธุรกิจหรือสินทรัพย์ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เป้าหมายของบริษัทฯ คือการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มุ่งมั่นสร้างโครงการคุณภาพ ชุมชน และไลฟ์สไตล์ของผู้คน ที่ได้อยู่อาศัย พักผ่อน ทำงาน และจับจ่ายซื้อของ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและการส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
A:
ปัจจุบัน สิงห์ เอสเตท ประกอบธุรกิจหลักในด้านอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร มีการลงทุนระดับสากล ที่มุ่งสร้างความหลากหลายของธุรกิจ ภายใต้แนวคิด SUSTAINABLE DIVERSITY
บริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2538 (เดิมชื่อ บริษัท พาณิชย์ภูมิพัฒนา จำกัด และบริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรและอาคารชุดพักอาศัย และได้นำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “RASA”
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 บริษัทฯ ได้รวมธุรกิจโดยการรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) จากบริษัทในกลุ่มบริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด และกลุ่มนายสันติ ภิรมย์ภักดี รวมถึงได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดยบริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บุญรอดฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99) และนายสันติ ภิรมย์ภักดี เข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ พร้อมทั้งได้เปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จาก “RASA” เป็น “S”
A:
บริษัทฯ มีนโยบายการพัฒนาธุรกิจที่อยู่อาศัย ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ ในรูปแบบที่หลากหลาย อาทิเช่น บ้านเดี่ยว คลัสเตอร์โฮม โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับบน ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่หลากหลาย และครอบคลุมทั้งหมดของเซ็กเมนต์ Luxury
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ได้แก่ พื้นที่ค้าปลีก และอาคารสำนักงาน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี รายได้หลักจากธุรกิจนี้ คือ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการสาธารณูปโภค ระบบรักษาความปลอดภัย และค่าบริการอื่นๆ
A:
ธุรกิจโรงแรมของบริษัทดำเนินการโดย S Hotels & Resorts (SHR) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ สิงห์ เอสเตทและได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อพฤศจิกายน พ.ศ. 2562
SHR เป็นบริษัทในเครือที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีการบริหารจัดการโรงแรมและรีสอร์ท และลงทุนในสถานที่ท่องเที่ยวระดับนานาชาติ บริษัทมีพอร์ตโฟลิโอที่เป็นเอกลักษณ์ที่ตั้งอยู่ในจุดหมายท่องเที่ยวที่เป็นที่ต้องการของโลก
ในเดือนมิถุนายนปี พ.ศ. 2567 บริษัท S Hotels & Resorts มีโรงแรมทั้งหมด 37 แห่ง มีจำนวน 4,393 ห้องพัก ซึ่งตั้งอยู่ในปลายทางท่องเที่ยวชั้นนำใน 3 ภูมิภาค ของ 5 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐมัลดีฟส์, สาธารณรัฐฟิจิ, สาธารณรัฐมอริเชียส, สหราชอาณาจักร, และประเทศไทย ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่หลากหลายจากทั่วโลก
A:
วิสัยทัศน์และเป้าหมายของบริษัทฯ คือการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และมีความตั้งใจที่จะขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การบริหารจัดการของ S.IF.
การลงทุนในธุรกิจดังกล่าว จะช่วยเสริมความหลากหลายในพอร์ตโฟลิโอธุรกิจของสิงห์ เอสเตท เพิ่มรายได้ที่เกิดขึ้นประจำ (recurring income) และสร้างสมดุลรายได้ที่ดีขึ้นระหว่างการพึ่งพิงกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภค เพิ่มเสริมศักยภาพในการเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร
S.IF. เป็นผู้ดำเนินการที่ดูแลนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจสำคัญของ สิงห์ เอสเตท ที่ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจหลากหลายตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า การให้บริการพลังงานที่เกี่ยวข้อง การวิศวกรรมและบริการนวัตกรรมอื่น ๆ ซึ่งมุ่งเน้นที่จะสร้างโอกาสทางการลงทุน พัฒนาศักยภาพ และเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ลูกค้าของนิคมอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนวัตกรรมสำหรับการพัฒนาโครงการ ทั้งนี้ยังมีการดำเนินงานอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการเติบโตอย่างยั่งยืนตามกรอบนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ สิงห์ เอสเตท
A:
บริษัท สิงห์ เอสเตท มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่น ๆ ทั้งนี้ เงินปันผลอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามผลประกอบการ แผนการขยายธุรกิจ สภาพคล่อง ความจำเป็นและปัจจัยอื่นๆ ที่เหมาะสมในอนาคต โดยคณะกรรมการจะพิจารณาตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น
A:
โดยปกติ บริษัทฯ จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ทั้งนี้ ท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นได้ที่เว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์
A:
บริษัทฯ จะรายงานผลประกอบการรายไตรมาส ภายใน 45 วันหลังสิ้นไตรมาส และประมาณ 60 วันหลังสิ้นปี สำหรับแต่ละไตรมาส ท่านสามารถดูตารางปฏิทินนักลงทุน ได้จากเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ ในหัวข้อ “ข่าวสารและกิจกรรม”
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการประกาศผลประกอบการ และ คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการรายไตรมาส บนเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ในหัวข้อ “ข้อมูลทางการเงิน”
A:
บริษัทฯ ได้รับระดับ 5 ดาว หรือเกณฑ์คะแนน 'ดีเยี่ยม' จาก Corporate Governance Report (CGR) โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD) ด้วยการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มีความรับผิดชอบ โปร่งใส และให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ตามพันธกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการสร้างความสมดุลระหว่างความเป็นเลิศทางธุรกิจและความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
A:
บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นตามวิสัยทัศน์และกลยุทธ์องค์กร มุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่า ควบคู่ไปกับ การแผนการดำเนินงานที่มีประสิทธิผล เพื่อให้สอดคล้องและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยกลยุทธธ์องค์กร ครอบคลุมประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้
สร้างสมดุลพอร์ตธุรกิจ (Well-Diversified Portfolio): การสร้างพอร์ตธุรกิจที่มีความหลากหลายเพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้และการเติบโตในระยะยาว โดยมุ่งเน้นการลงทุนที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และปรับสัดส่วนธุรกิจให้เหมาะสม ด้วยกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น เพื่อตอบสนองต่อโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของแต่ละธุรกิจ (Develop Competitive Advantage for Business Units): การพัฒนาข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในแต่ละธุรกิจจะช่วยสร้างจุดขายที่แตกต่างและขยายศักยภาพในการแข่งขัน การสร้าง New S-Curve ให้กับธุรกิจเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่น เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
มูลค่าเพิ่มจากธุรกิจที่หลากหลาย (Synergy): มุ่งเน้นการผสานความร่วมมือระหว่างธุรกิจในเครือและพันธมิตรที่มีศักยภาพสูง เพื่อเสริมสร้างและเพิ่มคุณค่าในทุกมิติ การสร้าง Synergy นี้จะช่วยสร้างจุดแข็ง ที่โดดเด่นและแตกต่าง ช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจ และสนับสนุนการเติบโตร่วมกันในระยะยาว
ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric): การใส่ใจในทุกรายละเอียดและการสร้างสรรค์คุณภาพที่ดีที่สุด ในระดับ “Best in class” คือหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจของสิงห์ เอสเตท เรามุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำให้กับลูกค้าของเรา เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวสิงห์ เอสเตท นอกจากนี้ การรับฟังและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าคือสิ่งที่เรายึดถือเป็นหลักในการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของเรา
สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดแก่ผู้ถือหุ้น (Maximize Shareholder Profit): สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดแก่ผู้ถือหุ้น และดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ด้วยการบริหารจัดการที่โปร่งใสและเป็นธรรม ควบคู่กับการรักษามาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นเลิศ เพื่อให้ได้รับการยอมรับในฐานะองค์กรที่เป็นเลิศในทุกมิติ
แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนสู่ความยั่งยืน (Green Mission): การสร้าง Green Roadmap ในทุกกระบวนการของธุรกิจเป็นภารกิจสำคัญ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573
A:
บริษัท สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นขับเคลื่อนความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Go Beyond Dreams โดยยึดมั่นแนวทางเชิงกลยุทธ์ "Go Exceed, Go Exist" ซึ่งครอบคลุมเสาหลักสำคัญ 3 ประการ
Climate Resilience: การกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับเป้าหมาย NDC ของประเทศไทย มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
Nature-Based Solutions: มุ่งเน้นการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศทางบกและทางทะเล โดยยึดมั่นตามมาตรฐาน IUCN Green List การดำเนินงานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน บรรเทา ฟื้นฟู และชดเชยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
Enriching Society: หน้าที่ในการเป็นศูนย์กลางเพื่อสร้างสรรค์ชุมชนที่มีคุณภาพ ผ่านโครงการต่างๆ มากกว่า 30 โครงการ ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 100,000 คน ในทุกพื้นที่ที่มีการดำเนินงาน ทั้ง 5 ประเทศ และหลากหลายธุรกิจ