บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)
มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Singha Estate Public Company Limited” (เดิมชื่อ บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2538 ในชื่อเดิมว่า “บริษัท พาณิชย์ภูมิพัฒนา จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรและอาคารชุดพักอาศัย
ต่อมาบริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2547 โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “RASA”
กุมภาพันธ์
- บริษัทฯ เสนอขายหุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี โดยมียอดจองซื้อรวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท ตามจำนวนที่ตั้งเป้าไว้ ตอกย้ำถึงความมั่นใจและไว้วางใจที่นักลงทุนมีต่อแผนธุรกิจและการเติบโตของธุรกิจกลุ่ม สิงห์ เอสเตท
มีนาคม
- เริ่มต้นการโอนกรรมสิทธิ์ โครงการ The Extro พญาไท รางน้ำ คอนโดมิเนียมระดับ premium luxury segment
เมษายน
- ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทฯ ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” สะท้อนถึงคุณภาพที่ดีของสินทรัพย์โรงแรมของบริษัท ตลอดจนแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับ และรายได้ประจำจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์
- ดำเนินการปรับปรุงระยะที่ 2 ของห้องพักบางส่วนในโรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต เพื่อยกระดับอัตราค่าห้องพัก โดยวางแผนเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งในช่วงปลายปี 2567
พฤษภาคม
- ที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 อนุมัติจ่ายปันผลสำหรับผลดำเนินงานประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.015 บาท โดยคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 45.12% ของกำไรสุทธิหลังการปรับปรุงรายการ
- เปิดตัวอย่างเป็นทางการของโครงการบ้านเดี่ยวในระดับลักชัวรี่ 2 แห่ง ภายใต้แบรนด์ SHAWN ได้แก่ โครงการ ฌอน ปัญญาอินทรา และฌอน วงแหวน – จตุโชติ
- ดำเนินการตามกลยุทธ์ Asset Rotation โดยบรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure Wetherby ในสหราชอาณาจักร และได้ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Ascott สำหรับสัญญาบริหารโรงแรมศักยภาพ 4 แห่งที่ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวและเศรษฐกิจหลัก เพื่อปรับตำแหน่งทางการตลาด ยกระดับผลการดำเนินงาน และเพิ่มความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชาติ
มกราคม
- โรงแรมของบริษัทฯ ในประเทศไทยและสาธารณรัฐมัลดีฟส์ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย โรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต โรงแรม ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ โรงแรมฮาร์ดร๊อค มัลดีฟส์ และโรงแรม ทราย ลากูน มัลดีฟส์ รวมถึงโครงการ CROSSROADS ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ได้รับการรับรอง Green GlobeTM Certificate ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
มีนาคม
- บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มเติมในบริษัท เอส36 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (“S36”) บริษัทร่วมทุน ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการดิ เอส สุขุมวิท 36 จากพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ ในสัดส่วนร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ โดยทางอ้อม ใน S36 อยู่ที่ร้อยละ 99.99 และทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการดิ เอส สุขุมวิท 36 ได้เต็มจำนวน
พฤษภาคม
- สิงห์ เอสเตท ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรโดยทริสเรทติ้ง (TRIS) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงคุณภาพที่ดีของสินทรัพย์โรงแรมของบริษัทฯ ที่สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนแผนการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ของบริษัท และแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับ รวมไปถึงรายได้ประจำจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์
มิถุนายน
- บริษัทฯ เปิดตัวโครงการลาซัวว์ เดอ เอส บ้านแนวราบระดับอัลตร้าลักชัวรี ในรูปแบบคลัสเตอร์ โฮม (Cluster Home) ซึ่งเป็นบ้านที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกบ้านแต่ละหลัง ราคาขายประมาณ 550 ล้านบาท
กรกฎาคม
- บริษัทฯ พัฒนา Cluster Home โครงการที่ 2 ภายใต้แบรนด์สมิทธ์ รามอินทรา (SMYTH’S Ramintra) บ้านแนวราบระดับซุปเปอร์ลักชัวรี (Super Luxury) ราคาขายประมาณ 120 ล้านบาท เพื่อต่อยอดการขยายธุรกิจบ้านแนวราบในรูปแบบโครงการไม่จัดสรร ที่นำเสนอความเป็นส่วนตัว และการออกแบบพัฒนาตามความต้องการของลูกค้า
สิงหาคม
- บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ต่อนักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นหุ้นกู้ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี ด้วยมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้น 1,700 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ
กันยายน
- บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว สริน (S’RIN) ราชพฤกษ์ - สาย1 ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ในการพัฒนาโครงการระดับพรีเมี่ยมลักชัวรี่ (Premium Luxury) ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวม 3,712 ล้านบาท ด้วยจำนวน 89 ยูนิต และมีราคาเริ่มต้นที่ 39 - 75 ล้านบาท
- SHR ได้บรรลุข้อตกลงการซื้อที่ดินพร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้าง และอุปกรณ์ติดตั้ง ของโรงแรม Mercure Glasgow ในสหราชอาณาจักร มูลค่ารวม 7.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (หรือเทียบเท่า 338.4 ล้านบาท) ซึ่งเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการโรงแรมในสหราชอาณาจักร และกลยุทธ์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ
ตุลาคม
- โรงไฟฟ้าบี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 เปิดให้บริการพาณิชย์ พร้อมจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 90 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี โดยเป็นโรงงานไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 140 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำ 30 ตัน/ชั่วโมง สำหรับรองรับความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรม
พฤศจิกายน
- โรงแรมโซ/ มัลดีฟส์” (SO/ Maldives) รีสอร์ทแห่งที่ 3 ของโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS) เริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 โดยเป็นโรงแรมไลฟ์สไตล์ระดับ 5 ดาว ที่ประกอบด้วยวิลล่าสุดหรูจำนวน 80 หลัง การเปิดให้บริการของ SO/ Maldives นับเป็นการยกระดับโครงการ CROSSROADS ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการพักผ่อนชั้นนำแบบบูรณาการ ซึ่งนำเสนอตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
ธันวาคม
- บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาโครงการแนวราบต่อเนื่อง และขยายตลาดเข้าไปในบ้านเดี่ยวเซกเมนต์ลักชั่วรี่เป็นครั้งแรก ด้วยการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ (Soft Opening) โครงการภายใต้แบรนด์ใหม่ ฌอน (SHAWN) ใน 2 ทำเลศักยภาพ ย่านปัญญาอินทรา และ วงแหวน - จตุโชติ ทั้งสองโครงการมีมูลค่ารวมประมาณ 4,560 ล้านบาทซึ่งเปิดจองอย่างเป็นทางการได้ในไตรมาส 1 ปี 2567
- โรงไฟฟ้าบี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 เปิดให้บริการพาณิชย์ พร้อมจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 90 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี โดยเป็นโรงงานไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 140 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำ 30 ตัน/ชั่วโมง สำหรับรองรับความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรม
พฤษภาคม
- SHR บริษัทย่อยของบริษัทฯ บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure Burton upon Trent Newton Park ใน สหราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการโรงแรมในกลุ่มสหราชอาณาจักร เป็นไปตามทิศทางที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
มิถุนายน
- บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงในการโอนสิทธิการเช่าระยะยาวประมาณ 26 ปี 6 เดือน 25 วัน ของโครงการซันทาวเวอร์ส (Suntowers) เพิ่มเติม ประกอบด้วย ส่วนพื้นที่ค้าปลีก ประมาณ 943 ตารางเมตร และพื้นที่ส่วนกลางส่วนที่เหลือประมาณ 1,817 ตารางเมตร ให้ SPRIME
สิงหาคม
- SHR บริษัทย่อยของบริษัทฯ ดำเนินการเข้าซื้อสัญญาเช่าหลัก (Head Lease) บนที่ดินของโรงแรม Mercure Perth โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพของพอร์ตการลงทุนในสหราช อาณาจักร
ตุลาคม
- SHR บริษัทย่อยของบริษัทฯ บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure London Watford ในสหราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการโรงแรมในกลุ่มสหราชอาณาจักร เป็นไปตามทิศทางที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
พฤศจิกายน
- บริษัทฯ เปิดตัวบ้านแนวราบโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ 32 ซึ่งเป็นโครงการล่าสุดในกลุ่มธุรกิจ ที่พักอาศัย มุ่งเจาะกลุ่มตลาดระดับ Super Luxury มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,908 ล้านบาท โดยมีจำนวนบ้านในโครงการเพียง 28 หลัง ระดับราคา 65 - 240 ล้านบาท พร้อมกับพัฒนาโครงการโฮมออฟฟิศภายใต้ชื่อ SENTRE (เซนท์เทอร์) จำนวน 4 ยูนิต ระดับราคาประมาณ 20 – 25 ล้านบาท โดยวาง Positioning เป็น Premium Luxury Home Office บนทำเลเดียวกัน ให้เป็นสถานที่ทำงานที่เป็นศูนย์กลางการทำธุรกิจ
ธันวาคม
- บริษัทฯ เปิดซอฟโอเพนนิ่งโครงการมิกซ์ยูสแห่งใหม่ เอส โอเอซิส (S OASIS) โครงการสำนักงานระดับพรีเมียมบนทำเลศักยภาพตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร อาคารดังกล่าวมีขนาดพื้นที่ประมาณ 54,000 ตารางเมตร ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Sustainable Workplace โดยวางเป้าหมายให้เป็นอาคารสำนักงานทันสมัยล่าสุดเพียงหนึ่งเดียว บนย่านวิภาวดีรังสิต ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตการทำงานแห่งโลกอนาคต และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
มกราคม
- บริษัทฯ ได้ดำเนินการจำหน่ายและโอนหุ้นสามัญใน NVD ที่บริษัทฯ ถืออยู่ทั้งหมด จำนวน 711,855,320 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 51.56 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ NVD ซึ่งมีมูลค่าการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 1,793,875,406.40 บาท ให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NVD ผ่านการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ภายหลังการขายและโอนหุ้นสามัญใน NVD ที่บริษัทฯ ถืออยู่ทั้งหมดส่งผลให้ NVD สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และทำให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยในแนวราบภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ เอง โดยปราศจากเงื่อนไขป้องกันการดำเนินธุรกิจทับซ้อนระหว่างบริษัทฯ และ NVD
กุมภาพันธ์
- SHR บริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญใน FS JV เพิ่มเติมจากเดิมอีกร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ FS JV ซึ่ง FS JV เป็นบริษัทที่ประกอบกิจการโรงแรมจำนวน 26 แห่ง ในสหราชอาณาจักรโดยภายหลังจากการเข้าลงทุนเพิ่มเติมใน FS JV แล้ว บริษัทฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งหมดใน FS JV ในสัดส่วนเป็นร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ FS JV ซึ่งส่งผลให้ FS JV มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะรับรู้ผลการดำเนินงานของ FS JV ในงบการเงินรวมของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าวจะทำให้กลุ่มบริษัท SHR สามารถกำกับดูแลการดำเนินงานของโรงแรมในกลุ่มสหราชอาณาจักรให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท SHRซึ่งถือเป็นความมุ่งมั่นที่สำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนในสหราชอาณาจักร
- SHR ได้ดำเนินการเปลี่ยนสัญญาของโรงแรมที่บริหารจัดการโดยกลุ่ม Outrigger จำนวน 3 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งภายใต้สัญญาบริหารจัดการโรงแรม (Hotel Management Agreement) กลับมาบริหารจัดการด้วยตัวเอง (Self-managed) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรในอนาคต
เมษายน
- SHR บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด 73 ห้อง คิดเป็นมูลค่ารวม 4.25 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (หรือเทียบเท่า 182 ล้านบาท) โดยเป็นการดำเนินการตามแผนในการขายโรงแรมบางส่วนในสหราชอาณาจักร ซึ่งบริษัทฯ พิจารณาว่าเป็นโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด เพื่อนำเงินไปลงทุนในการปรับปรุงพัฒนาทรัพย์สินหลักของกลุ่มบริษัท SHR ต่อไป
กรกฎาคม
- SHR และผู้ร่วมทุน Wai Eco World Developer Pte. Ltd. ลงนามสัญญาบริหารจัดการโรงแรมกับ “โซ/โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ต” (SO/ Hotels & Resorts) ซึ่งเป็นแบรนด์รีสอร์ตไลฟ์สไตล์ แถวหน้าของแอคคอร์ (Accor) ในการพัฒนาและบริหารรีสอร์ตแห่งที่ 3 ภายใต้โครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS) เพื่อพัฒนาให้โครงการดังกล่าวให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการพกั ผ่อนและไลฟ์สไตล์ที่ครบวงจรที่สุดแหง่ แรกในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ และเพื่อขยายตลาดลักซ์ชัวรีด้วยช่องทางการขายและเครือข่ายสมาชิกที่แข็งแกร่งของ Accor โดยรีสอร์ตดังกล่าวจะประกอบด้วยห้องพักรูปแบบวิลล่าริมชายหาด (Beachfront) และวิลล่าเหนือนํ้า (Over-water) จำนวน 80 หลัง โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในปี 2566
มกราคม
- บริษัทฯ ได้เข้าซื้ออาคารสำนักงานเมโทรโพลิศ เนื้อที่ประมาณ 26,157 ตารางเมตร และรับโอนสิทธิการเช่าที่ดินของอาคารดังกล่าวในมูลค่า การซื้อขายทั้งสิ้น 1,725 ล้านบาท ซึ่งอาคารสำนักงานเมโทรโพลิศ ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองย่านพร้อมพงษ์ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะให้เช่าระยะยาวทรัพย์สินดังกล่าวแก่กองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท ใน อนาคต
กุมภาพันธ์
- เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม The EXTRO
เปิดตัว The EXTRO โครงการคอนโดมิเนียมระดับ Affordable luxury มูลค่าโครงการกว่า 4,066 ล้านบาท จำนวน 411 ยูนิต โดยราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 235,000 บาท
เมษายน
-
การจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการ ปี 2561
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทยตั้งแต่ช่วง มีนาคม ส่งผลให้รัฐบาลดำเนินมาตรการปิดเมือง จำกัดการเดินทาง และรักษาระยะห่างทางสังคม- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย: บริษัทฯได้เสนอทางเลือกสำหรับลูกค้าบางกลุ่มที่ไม่สามารถเดินทางมาตรวจรับมอบห้องชุดเองได้ เช่น แต่งตั้งตัวแทนเพื่อตรวจรับ หรือใช้เทคโนโลยี 360 และลูกค้ายังสามารถเลื่อนการตรวจรับห้องชุดเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ออกไปเป็นภายในปี 2563
- ธุรกิจโรงแรม SHR บริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้หยุดให้บริการเชิงพาณิชย์ชั่วคราวโรงแรมทั้งหมดใน ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส และโรงแรมส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักร ตั้งแต่งเดือน เมษายน 2563 และโรงแรมได้ทยอยกลับมาเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อีกครั้งตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่รัฐบาลท้องถิ่นเริ่มผ่อนปรนมาตรการเพื่อควบควมการแพร่ระบาด
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า บริษัทฯมอบส่วนลดค่าเช่าและบริการระหว่างไตรมาสที่ 2-3 ปี 2563 ให้กับผู้เช่าพื้นที่สำนักงานและค้าปลีกที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 อีกทั้งจัดพื้นที่สื่อให้ผู้เช่าเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
กรกฎาคม
- ผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทฯ
ผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทฯ มูลค่า 180 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดทั้งหมด และหุ้นกู้ได้ถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของการไถ่ถอน บริษัทฯได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้ระยะยาวในสกุลเงินบาทจากสถาบันการเงินด้วยต้นทุนทางการเงินใกล้เคียงกับต้นทุนทางการเงินของหุ้นกู้
สิงหาคม
- คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ลงนามในบันทึกความเข้าใจ กับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เนอวานา ไดอิ จำ กัด (มหาชน) (“NVD”) เพื่อการซื้อขายหุ้น NVD โดยในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 คู่สัญญาได้มีข้อตกลงระหว่างกันให้บริษัทฯ เป็นผู้ขายหุ้น NVD จำ นวน 711,855,320 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51.56 ของทุนจดทะเบียนชำ ระแล้ว ของ NVD คิดเป็นเงินจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,793,875,406.40 บาท ให้แก่ กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NVD และการซื้อขายหุ้นดังกล่าวได้เสร็จสิ้น ลงในวันที่ 6 มกราคม 2564 ทำ ให้ภายหลังจากการซื้อขายหุ้นสามัญใน NVD ดังกล่าว NVD สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และ ส่งผลให้บริษัทฯสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้ การบริหารจัดการของบริษัทฯเอง โดยปราศจากเงื่อนไขป้องกัน การดำเนินธุรกิจทับซ้อนระหว่างบริษัทฯ และ NVD ที่ได้มีการกำหนดไว้
กันยายน
- S.IF. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในหุ้นของ SIE ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว ทั้งหมดของ SIE (เดิมชื่อบริษัท ปาร์ค อินดัสตรี จำกัด) จากบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ซึ่ง SIE เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลักในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม และเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทอง ซึ่งการเข้าลงทุนใน SIE ดังกล่าว จะมีส่วนสำคัญในการกระจายความเสี่ยงด้านแหล่งที่มาของรายได้ของบริษัทฯ โดยการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทฯ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร
- S.IF. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานไฟฟ้า โดยการลงทุนในหุ้น BPAT1 ในสัดส่วนร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BPAT1 จาก Whitefords United Pte. Ltd. และการเข้าซื้อสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ (Option) ด้วยราคาจองซื้อที่มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BPAT2 และ BPAT 3 จาก Prime Harvestment Ltd. ซึ่ง BPAT1 BPAT2 และ BPAT3 เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจการพัฒนาโรงไฟฟ้า รวมถึงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนร่วมและไอนํ้า โดยปัจจุบันโรงไฟฟ้าภายใต้การพัฒนาของ BPAT1 ได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 และโรงไฟฟ้าภายใต้การพัฒนาของ BPAT2 และ BPAT3 อยู่ระหว่างการพัฒนาโดยใช้พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทอง ซึ่งคาดว่าทั้งสองโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2566 ทั้งนี้ นอกจากการลงทุนในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มแหล่งรายได้ให้กับบริษัทฯ แล้ว ยังถือเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของนิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทอง โดยการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่ผู้เช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทอง
ตุลาคม
- โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 เป็นโครงการร่วมทุนกับ ฮ่องกงแลนด์
โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 มูลค่าโครงการ 6,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับ ฮ่องกงแลนด์ ด้วยสัดส่วนเงินลงทุน ร้อยละ 51:49 เริ่มดำเนินการส่งมอบห้องชุดให้กับลูกค้า ทั้งนี้ผลประกอบการของโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 จะถูกบันทึกภายใต้วิธีส่วนได้เสีย (Equity Method) ซึ่งจะแสดงผ่านส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า
มกราคม
-
การจัดต้ัง SPRIME และผลการดำเนินงาน ในปี 2562
บริษัทฯ ได้จัดตั้งกองทรัสต์ภายใต้ชื่อ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่า อสังหาริมทรัพย์ เอสไพรม์ โกรท (SPRIME) ซึ่งลงทุนในสิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี ในพื้นที่ อาคารสำนักงานของอาคารซันทาวเวอร์ส โดยมีขนาดกองทรัสต์ 5,717 ล้านบาท และ บริษัทฯ ยังคงถือกองทุน ในอัตราส่วนร้อยละ 20 เป็นจำนวนเงิน 893.5 ล้านบาท
พฤษภาคม
-
การจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการ ปี 2561
จ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิประจำปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น จำนวน 274,148,771 บาท ถือเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกนับจากการดำเนินงานภายใต้กลุ่ม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ตุลาคม
-
รางวัลและความสำเร็จ
บริษัทฯได้รับเลือกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เข้าสู่ การเป็นหุ้นยั่งยืน หรือThailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2562 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการ บริษัทไทย (IOD) จัดทำโครงการสำรวจ รายงานการกำกับดูแลกิจการของบริษัท จดทะเบียนไทย (CGR) ประจำปี 2562 ซึ่งได้ประกาศผลเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับผลประเมิน CGR ประจำปี 2562 เท่ากับร้อยละ 93 ซึ่งจัดอยู่ใน ระดับดีเลิศ ตราสัญลักษณ์ 5 ดาว
พฤศจิกายน
- การนำบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เมื่อบริษัทฯ โอนธุรกิจโรงแรมทั้งหมดให้กับ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (SHR) เป็นที่เรียบร้อย SHR จึงถูก Spin off และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ด้วยราคาเสนอขาย 5.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ได้จาก IPO จำนวนเงินรวม 7,351.6 ล้านบาท (หลังหัก ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง) ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงดำรงสัดส่วนถือครอง SHR ที่ร้อยละ 60 จึงส่งผลให้ SHR ยังคงถือเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
จากวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ทำให้ในปี 2561 บริษัทฯ มีพัฒนาการที่สำคัญประกอบไปด้วย
กุมภาพันธ์
- เปิดตัวโครงการ The ESSE Sukhumvit 36
บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury โครงการแรกที่ดำเนินการภายใต้การร่วมทุนกับ HKL (Thai Developments) Limited บริษัทย่อยในกลุ่ม Hongkong Land Holdings Limited ในสัดส่วนการร่วมทุน ร้อยละ 51 : 49 โดยมีมูลค่าโครงการกว่า 6,400 ล้านบาท โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง ใกล้ย่านธุรกิจที่สำคัญ และแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งนี้ คาดว่าการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จและสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ประมาณไตรมาส 4 ปี 2563
มีนาคม
- อนุมัติเข้าซื้อที่ดินบริเวณถนนรางน้ำ
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการเข้าซื้อที่ดินบริเวณถนนรางน้ำ เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Affordable Luxury เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า และสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกจากหลายเส้นทาง แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเป็นย่านที่มีที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและได้รับความสนใจจากนักลงทุน อีกทั้งยังเป็นทำเลที่อยู่ในแผนการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมภายในระยะเวลา 5 ปี ของบริษัทฯ โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2565 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนด
เมษายน
- ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ (ESOP-Warrant-3)
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 ได้อนุมัติการออกและเสนอขาย “ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ออกและเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย ครั้งที่ 3 (ESOP-Warrant-3) เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่กรรมการและพนักงาน อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าขององค์กร - โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย สร้างห้องพักประเภทวิลล่าเพิ่มเติม
บริษัทฯ ได้ดำเนินการก่อสร้างวิลล่าของโรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย เพิ่มเติมอีก 19 หลัง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการใช้บริการห้องพักประเภทวิลล่าเพิ่มมากขึ้น และเป็นการดำเนินการตามนโยบายของบริษัทฯ ในการเพิ่มมูลค่าและยกระดับของสินทรัพย์
พฤษภาคม
- บริษัทฯ มีมติลดทุนจดทะเบียนของบริษัท
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 วันที่ 25 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติรายการที่สำคัญคือ ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 100,000,000 บาท จากเดิมทุนจดทะเบียน จำนวน 10,228,502,526 บาท เป็น 10,128,502,526 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายจำนวน 100,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นหุ้นที่ออกเพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) - เปิดตัวโครงการศูนย์เรียนรู้ทางทะเล (Marine Discovery Center) และจัดกิจกรรมโตไวไว (Toh Wai Wai)
เพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability Development หรือ SD) ในเกาะพีพีอันเป็นที่ตั้งของโรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท บริษัทฯ จึงได้มีการดำเนินกิจกรรมโตไวไวเพื่อคืนสมดุลธรรมชาติอย่างครบวงจรจากท้องฟ้าสู่ท้องทะเล ที่มุ่งสร้างความสมดุลในการอยู่ร่วมกันของชุมชน และสิ่งแวดล้อม และถือเป็นการสานต่อโครงการ “พีพีโมเดล” ที่เป็นต้นแบบแผนปะการังแห่งชาติ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวโครงการศูนย์เรียนรู้ทางทะเลที่เป็นศูนย์ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำทางทะเล เพื่อให้เกิดเป็นองค์ความรู้แก่ชุมชนโดยรอบ ตอบรับกับกลยุทธ์ทางด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ และสอดรับกับ SDGs (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติอีกด้วย
มิถุนายน
- เข้าลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ท 6 แห่งภายใต้แบรนด์ Outrigger
บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ท จำนวน 6 แห่งใน 4 ประเทศจากกลุ่ม Outrigger Hotels Hawaii ตามมติคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 รวมมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 235.39 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ดูรายละเอียดของทรัพย์สินในหัวข้อ “โครงการในปัจจุบัน”) โรงแรมและรีสอร์ททั้ง 6 แห่งนี้เป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพและอยู่ในประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และจะช่วยสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องในระยะยาว (Recurring income) ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ อีกทั้งเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท และสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจโรงแรมของกลุ่มบริษัทฯ ที่เน้นการลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว (Tourist destination) - บริษัทฯ พร้อมกับพันธมิตรในอาคารซันทาวเวอร์ส ร่วมเปิดแคมเปญ #SeaYouTomorrow
จากปรัชญาการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ในการรักษาความสมดุลและสร้างความยั่งยืนในทุกชุมชนที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ และพันธมิตรในอาคารซันทาวเวอร์ส จึงได้ร่วมกันเปิดแคมเปญ #SeaYouTomorrow รณรงค์ลดขยะพลาสติก และการคัดแยกขยะที่ถูกต้อง เพื่อลดการสร้างขยะจากเมืองไปสู่ทะเล เนื่องในวันทะเลโลก หรือ World Oceans Day พร้อมจัดกิจกรรมสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน ผู้ค้า และประชาชนโดยรอบตึกซันทาวเวอร์สร่วมเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลาสติกอย่างยั่งยืน มุ่งหวังสร้างชุมชนน่าอยู่และเป็นสังคมออฟฟิศต้นแบบ
สิงหาคม
- บริษัทฯได้จัดตั้งบริษัทย่อยบริษัท เอส คลาส แมเนจเม้นท์ จํากัด
และบริษัท เอส พาร์ค พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด จากที่บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญถึง การมุ่งสู่การเป็นผู้นำในตลาด (Strategic Move) และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาพลักษณ์องค์กร (Branding) บริษัทฯ จึงได้มีการลงทุนโดยการจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ด้าน Property Management บริษัท เอส คลาส แมเนจเม้นท์ จํากัด และ ตั้งบริษัทย่อยเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ บริษัท เอส พาร์ค พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด โดยทั้ง 2 บริษัท หลังการจัดตั้งทางบริษัทฯ คาดหวังให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กร โดยเฉพาะด้านศักยภาพในการพัฒนาโครงการ และการบริการ มู่งสู่เป้าหมายของบริษัทที่ได้กำหนดไว้ บริษัทฯเข้าไปร่วมทุน กับ บริษัทฯ Daiwa House บริษัท เอส เรสซิเดนเชียล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (“SRD”) (บริษัทย่อยร้อยละ 99.99) เข้าลงนามในสัญญาร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Luxury บนถนนสุขุมวิท 43 กับ DH Asia Investment Orchid PTE. LTD. ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Daiwa House โดยการร่วมทุนดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากความรู้ในการดำเนินธุรกิจของ Daiwa House ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการสร้างบ้านสำเร็จรูป เพื่อจะนำมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ต่อไปซึ่งสอดรับกับกลยุทธ์องค์กรในการเสาะหาผู้ร่วมทุนที่มีศักยภาพและสอดรับกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท (Smart M&A) เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพให้กับโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน - บริษัทฯ เข้าทำสัญญาบริการ (Master Service Agreement) เพื่อให้บริการพัฒนาโครงการ CROSSROADS Phase 2
บริษัทฯ เข้าทำสัญญาบริการ (Master Service Agreement) และ สัญญาบริการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาธุรกิจ (Business Development Advisory Service Agreement) กับ Singha Property Management (Singapore) Pte. Ltd. เพื่อให้บริการพัฒนาโครงการและให้บริการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับโครงการ CROSSROADS เฟส 2 เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ มีความชำนาญในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ และค่าตอบแทนตามสัญญาดังกล่าวจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทฯ โดยที่กลุ่มบริษัทฯ สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แต่เดิมรวมถึงความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของผู้บริหารและบุคลากรในการให้บริการ
กันยายน
- บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ “อีส สุขุมวิท 43” คอนโด Low-rise
แห่งแรกของบริษัทฯ บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ อีส สุขุมวิท 43 เป็นโครงการคอนโดมิเนียม Luxury Low-rise โครงการแรกของบริษัทฯ โดยโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 43 ไม่มีการสัญจรพลุกพล่านเหมือนกับซอยสุขุมวิทอื่นๆ ให้ความเป็นส่วนตัวสูง แต่ยังอยู่ในพื้นที่ Prime Location ในตัวเมืองย่านพร้อมพงษ์ ใกล้อโศกและทองหล่อ โดยบริษัทฯ มองว่าโครงการดังกล่าวสอดรับกับแผนกลยุทธ์ ในด้านการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค (Best in Class) บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ และรับรู้รายได้ประมาณปลายปี 2563 - บริษัทฯ เปิดตัวโครงการ "สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส" ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury
จากกลยุทธ์ขององค์กรในการพัฒนาให้โครงการของบริษัทฯ เป็นแบรนด์ชั้นนำและที่ดีที่สุด (Strategic Move) ทำให้ทางบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ Santiburi The Residences ซึ่งเป็นโครงการระดับ Ultra Luxury ในรูปแบบของบ้านสั่งสร้าง โดยมีที่ดินต่อแปลงขนาดตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป พร้อมพื้นที่ใช้สอยเฉลี่ยกว่า 1,250 ตร.ม. ซึ่งโดดเด่นด้วยการออกแบบ และคุณภาพของวัสดุ อีกทั้งยังอยู่ในทำเลศักยภาพในย่านที่อยู่อาศัยระดับบน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การเดินทางก็สะดวกสบายในย่าน ถนนประดิษฐ์มนูธรรม โดยโครงการมีมูลค่ามากว่า 5,500 ล้านบาท บริษัทฯ แจ้งปรับราคาแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพแจ้งการปรับราคาแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพซึ่งมีชื่อเฉพาะว่า “USD 180,000,000 2.00 percent Standby Letter of Credit Backed Convertible Bonds due 2022” จากเดิม 4.99 บาท เป็น 4.60 บาท เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด และเงื่อนไขหลักของหุ้นกู้ฯ ที่จะต้องมีการปรับราคาแปลงสภาพให้เป็นไปตามราคาอ้างอิง
ตุลาคม
- อนุมัติการลงทุนพัฒนาโครงการอาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการลงทุนพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า โดยมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 54,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุนรวม 3,695 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 7 ไร่ บนถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงและมีการเติบโตของอาคารสำนักงานที่ต้องการขยายพื้นที่ในย่านนี้ แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงมีการคมนาคมที่สะดวกสบาย ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วน สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และสถานีรถไฟฟ้า BTS โครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความมั่นคงในด้านรายได้ให้แก่บริษัทฯ และส่งผลให้การลงทุนของบริษัทฯ มีการเติบโตเป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนด (Strong Growth) - บริษัทฯ เข้าทำสัญญาบริการด้านการตลาด (Marketing Support Service Agreement) เพื่อให้บริการพัฒนาโครงการ CROSSROADS Phase 2
บริษัทฯ เข้าทำสัญญาบริการด้านการตลาด (Marketing Support Service Agreement) กับบริษัทย่อยของ Singha Property Management (Singapore) Pte. Ltd. เพื่อให้บริการด้านการตลาดสำหรับโครงการ CROSSROADS เฟส 2 เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดกลยุทธ์การตลาดของโครงการ CROSSROADS ทั้งเฟส 1 และเฟส 2 ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของโครงการและกลุ่มบริษัทฯ ในภาพรวมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด - บริษัทฯ ได้อนุมัติการเข้าดำเนินการก่อตั้งทรัสต์ ผ่านบริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้ บริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด เข้าดําเนินการก่อตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพร์ม โกรท (“SPRIME”) และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ SPRIME ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยหากได้รับการอนุมัติจะส่งผลทำให้สินทรัพย์บางส่วนของบริษัทฯ ลดลงในส่วนของสิทธิการบริหารจัดการอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์ส แต่จะได้รับเงินทุนหมุนเวียนเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์การเติบโตตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนด (Strong Growth)
พฤศจิกายน
- บริษัทฯ ได้รับรางวัลจากโครงการ ASEAN CG Scorecard ประจำปี 2561
บริษัทฯ ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลในโครงการ ASEAN CG Scorecard โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้รับผลการประเมินในระดับ TOP2 Most Improved PLCs (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีพัฒนาการด้าน CG ที่โดดเด่น
ธันวาคม
- เปิดตัวโครงการ “สิงห์ คอมเพล็กซ์”
ในวันที่ 12 ธันวาคม บริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัว (Grand Opening) โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นโครงการ Mixed-use ระดับ Luxury แห่งแรกของบริษัทฯ - บริษัทฯ ได้ทำการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ "ดิ เอส อโศก"
บริษัทฯ ได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ โครงการ The Esse Asoke ซึ่งทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้จากโครงการนี้ประมาณ 1,155 ล้านบาทในปีนี้
เมษายน
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 วันที่ 26 เมษายน 2559 มีมติอนุมัติรายการที่สำคัญคือ การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 1,624,715,129 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,624,715,129 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) รวมเป็นทุนจดทะเบียน 8,973,005,905 บาท
มิถุนายน
- ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 738,382,027 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ราคาเสนอขาย 5.00 บาทต่อหุ้นสามัญเพิ่มทุน
- เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 738,382,027 บาท เป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วทั้งสิ้น 6,453,719,295 บาท
กันยายน
- ลงทุนในกิจการโรงแรม 3 แห่งในสหราชอาณาจักร ผ่านบริษัทร่วมทุน (บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50) มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 12 ล้านปอนด์
- บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท อินเตอร์ จำกัด (บริษัทย่อย ร้อยละ 99.99) ในฐานะผู้ให้บริการ เข้าทำสัญญาบริการ (Master Service Agreement) กับ Singha Property Management (Singapore) Pte.Ltd. (ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ) ในฐานะผูว่าจ้าง เพื่อให้บริการบริหารโครงการพัฒนา Tourist facilities บน Emboodhoo Lagoon ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ โดยมีค่าตอบแทนภายใต้สัญญาบริการรวมประมาณ 276 ล้านบาท และบริษัทฯ ได้รับโอกาสในการเข้าลงทุนโดยการรับแบ่งสิทธิสัญญาเช่า และ/หรือ การเช่าช่วงทรัพย์สินในโครงการภายใต้สิทธิในการซื้อหรือลงทุน (Option to Purchase) และ/หรือ สิทธิในการปฏิเสธก่อน (Rights of First Refusal)
พฤศจิกายน
- ซื้อที่ดินขนาด 2.5 ไร่ บริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 ถนนสุขุมวิท (ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ) เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับบน (Super luxury)
ธันวาคม
- โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ดำเนินโครงการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินแล้วเสร็จ และได้เปิดให้บริการวิลล่าจำนวน 100 หลัง (ซึ่งทยอยปิดปรับปรุงระหว่างเดือนมิถุนายน - พฤศจิกายน 2559) ในรูปโฉมใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวและเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของโรงแรม
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 มีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท ไดอิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“ไดอิ”)
เมษายน
-
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 วันที่ 22 เมษายน 2558 มีมติอนุมัติรายการสำคัญ ประกอบด้วย:
- การเข้าลงทุน ในบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (“เนอวานาฯ”) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านการพัฒนาที่พักอาศัยแนวราบ ภายใต้แบรนด์ “Nirvana” ในสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51
- การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 2,635,940,054 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 7,348,290,786 บาท เพื่อรองรับการลงทุนในเนอวานาฯ และเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) รวมถึงเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ รุ่นที่ 1 (“S-W1”)
ลงทุนในสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51 ในเนอวานาฯ ผ่านการซื้อหุ้นสามัญของเนอวานาฯ จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม โดยบริษัทฯ จะชำระค่าหุ้นดังกล่าวด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัทฯ (Share Swap) และการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยชำระเป็นเงิน รวมมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 2,091 ล้านบาท
มิถุนายน
- ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนและ S-W1 ให้แก่ ผู้ถือหุ้นเดิม ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558
สิงหาคม
- ลงทุนในอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์ส (“ซันทาวเวอร์ส”) ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานแฝด เกรด B บนถนนวิภาวดี-รังสิต มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 4,500 ล้านบาท (ดูรายละเอียดโครงการได้ในหัวข้อ “โครงการในปัจจุบัน”)
กันยายน
- The Extraordinary General Meeting of Shareholders No. 1/2015, held on September 30, 2015, approved the following transactions:
- การลงทุนในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ (Singha Complex) ซึ่งเป็นโครงการอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า (Mixeduse Commercial Complex) บริเวณหัวมุมถนนอโศกมนตรีและเพชรบุรีตัดใหม่ โดยมีมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 4,255 ล้านบาท (ดูรายละเอียดโครงการได้ในหัวข้อ “โครงการในอนาคต”)
- การให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานบางส่วนในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ แก่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัทย่อย (“กลุ่มบุญรอดฯ”) โดยมีระยะเวลาการเช่า 50 ปี และกำหนดค่าเช่ารวมประมาณ 1,900 ล้านบาท
ตุลาคม
-
เปิดตัวโครงการดิ เอส อโศก ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับลักซัวรี่ บนถนนอโศกมนตรี และเป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นภายหลังการรวมธุรกิจ มูลค่าโครงการประมาณ 4,500 ล้านบาท (ดูรายละเอียดโครงการได้ในหัวข้อ “โครงการในอนาคต”)
ลงทุนในกิจการโรงแรม 26 แห่ง ภายใต้แบรนด์ “Mercure” ในสหราชอาณาจักร ผ่านบริษัทร่วมทุน (บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50) มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 155 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 8,600 ล้านบาท (ดูรายละเอียดโรงแรม 26 แห่งได้ในหัวข้อ “โครงการในปัจจุบัน”)
พฤศจิกายน
- โรงแรมพีพี ไอแลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท (บนเกาะพีพีดอน จังหวัดสุราษฎ์ธานี) เปิดให้บริการวิลล่าโซนใหม่จำนวน 45 หลัง พร้อมสระว่ายน้ำ (สระว่ายน้ำแห่งที่ 2 ของโรงแรม) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและรองรับการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
มิถุนายน
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทฯ มีมติอนุมัติแผนการรวมธุรกิจของบริษัทฯ กับ บริษัท สันติบุรี จำกัด และกับบริษัท เอส ไบรท์ฟิวเจอร์ จำกัด โดยการรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer)
12 กันยายน 2557
- ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 4,162,352,331 หุ้น โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2,932,405,804 ให้แก่ SPM และ SPM SG เพื่อชำระค่าหุ้นสามัญ ของบริษัท เอส ไบรท์ฟิวเจอร์ จำกัด แทนการชำระด้วยเงินสด และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนอีกจำนวน 1,229,946,524 หุ้น ให้แก่นายสันติ ภิรมย์ภักดี เพื่อชำระค่าหุ้นสามัญ ของบริษัท สันติบุรี จำกัด แทนการชำระด้วยเงินสด การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ กลุ่มสิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ (ถือหุ้นร้อยละ 99.99 โดยบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด) และนายสันติ ภิรมย์ภักดี เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ
- เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)
18 กันยายน 2557
- เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จาก “RASA” เป็น “S”
7 พฤษภาคม 2556
- เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 499,999,986 บาท เป็น 599,999,986 บาท
3 พฤษภาคม 2556
- ลดทุนจดทะเบียนจาก 500,000,000 บาท เป็น 499,999,986 บาท
27 เมษายน 2555
- เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 400,000,000 บาท เป็น 500,000,000 บาท
16 มีนาคม 2554
- เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นสามัญที่ตราไว้ จากมูลค่าหุ้นละ 5 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 1 บาท
12 เมษายน 2550
- เริ่มการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “RASA”
12 มีนาคม 2549
- ลดทุนจดทะเบียนจาก 375,000,000 บาท เป็น 300,000,000 บาท และเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 300,000,000 บาท เป็น 400,000,000 บาท
30 เมษายน 2547
- เปลี่ยนชื่อจาก บริษัท พาณิชย์ภูมิพัฒนา จำกัด เป็นบริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 30,000,000 บาท เป็น 375,000,000 บาท เพื่อเตรียมเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 15 ล้านหุ้น และนำหุ้นของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากมูลค่าหุ้นละ 100 บาทเป็นหุ้นละ 5 บาท
27 ตุลาคม 2546
- เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 20,000,000 บาท เป็น 30,000,000 บาท โดยเรียกชำระแล้วเต็มจำนวน
31 มีนาคม 2545
- เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 10,000,000 บาท เป็น 20,000,000 บาท โดยเรียกชำระแล้วเต็มจำนวน มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท
14 สิงหาคม 2538
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทฯ มีมติอนุมัติแผนการรวมธุรกิจของบริษัทฯ กับ บริษัท สันติบุรี จำกัด และกับบริษัท เอส ไบรท์ฟิวเจอร์ จำกัด โดยการรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer)