สิงห์ เอสเตท ตอกย้ำผู้นำตลาดบ้านอัลตร้าลักชัวรี ทำยอดขายบ้านสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส 5 เดือน ทะลุเป้า 1,450 ล้านบาท
กรุงเทพฯ 30 กันยายน 2563 – สิงห์ เอสเตท ตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดบ้านหรูอัลตร้าลักชัวรี (Ultra-luxury Housing Market) ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย “โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” มูลค่า 1,450 ล้านบาท มั่นใจโครงการตอบโจทย์ของกลุ่มคนกำลังซื้อสูง ที่มองหาบ้านที่อยู่ในสังคมคุณภาพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีและปลอดภัย (Enriching Society) ซึ่งเป็นปรัชญาการพัฒนาโครงการของสิงห์ เอสเตท
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ โดยในส่วนผู้ซื้อ ก็มีความระมัดระวังในการตัดสินใจซื้อเพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับตลาดบ้านหรูระดับอัลตร้าลักชัวรี ยังคงมีความต้องการอยู่ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง โดยสิ่งสำคัญที่มีส่วนอย่างมากในการตัดสินใจซื้อ คือ “บ้าน” ต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมากๆ ใกล้ใจกลางเมือง และที่สำคัญต้องถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด อยู่ในสังคมที่ดีและมีคุณภาพ ปลอดภัยและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ล่าสุด สิงห์ เอสเตท ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการขายบ้านหรูในโครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 1,450 ล้านบาท ทำให้ยอดขายสะสมของโครงการรวม อยู่ที่ราว 35%
“การขายบ้านในราคาระดับอัลตร้าลักชัวรีมูลค่า 1,450 ล้านบาท ในช่วงเวลาเพียง 5 เดือนนั้น เป็นการ ตอกย้ำและแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของลูกค้าในแบรนด์ของสิงห์ เอสเตท ที่ใส่ใจและมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิต ที่ดีให้กับลูกบ้าน ผ่าน 3 แนวคิด Smart Living, Healthy Living และ Sustainable Living ที่ลงลึกในทุกรายละเอียด ใส่ใจในทุกๆ ขั้นตอนของการใช้ชีวิต เลือกสรรสิ่งที่ดีและมีคุณค่าที่สุด เพื่อพัฒนาและส่งมอบคุณภาพโครงการใน ระดับ Best in Class ให้กับลูกบ้านทุกคน ที่สำคัญให้ความใส่ใจกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบอีกด้วย” นายนริศ กล่าว
โครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ถือเป็นโครงการระดับมาสเตอร์พีซ หรือโครงการเรือธงที่เป็นแนวราบ โครงการแรกของสิงห์ เอสเตท มีมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่เอ็กซ์คลูซีฟที่สุดเมื่อเทียบ กับโครงการระดับเดียวกัน โดยเนื้อที่โครงการกว่า 45 ไร่ ถูกแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางถึง 15 ไร่ และเป็นพื้นที่อยู่อาศัย 25 ไร่ แบ่งเป็นแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น และ 3 ชั้น ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง กับสังคมคุณภาพ ที่มีความเป็นส่วนตัว และยังตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม
โดยปรัชญาของแบรนด์สันติบุรี คือ การผสมผสาน “ปรัชญาการใช้ชีวิต” และ “ปรัชญาของธรรมชาติ” ไว้อย่างลงตัว คอนเซ็ปต์หลักของโครงการนี้ คือ “Connoisseur of Pleasant Living” หรือ ลึกซึ้งถึงทุกรายละเอียดของความสุข เน้นออกแบบบ้านให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ และมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด ในสไตล์ “ลักชัวรี โมเดิร์น ทรอปิคอล”
ทั้งนี้ ในส่วนของการรับรู้รายได้จากยอดขาย 1,450 ล้านบาทนั้น บริษัทจะแบ่งการรับรู้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ รายได้ จากการก่อสร้างบ้าน ซึ่งจะทยอยรับรู้ตลอดระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 14 เดือน ตามความคืบหน้าของงาน และ รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ได้ภายในปีนี้ทั้งจำนวน มูลค่าราว 860 ล้านบาท ส่งผลให้เมื่อนำมูลค่า ของ Backlog ที่รอการรับรู้ของปีนี้ รวมกับรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยช่วง 6 เดือนแรกของปี จะสูงกว่าเป้าโอนกรรมสิทธิ์ทั้งปี 2563 ของบริษัท ที่ตั้งไว้ราว 5,000-6,000 ล้านบาท บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจได้ตามเป้าในปีนี้ที่ราว 9,000 ล้านบาท